
01/02/2025
ช่วงเริ่มปีใหม่ คนส่วนใหญ่มักรีวิวชีวิตตัวเองในปีที่ผ่านมาแล้วตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่าอยากจะทำอะไร แต่หลายๆคนก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ สำหรับบางคนนั้นเป้าหมายก็จางหายไปตั้งแต่ยังไม่จบเดือนมกราคมด้วยซ้ำ อะไรกันที่เป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่ถึง 80% ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ? มีเคล็ดลับอะไรไหมที่จะทำให้เราสามารถทำเป้าหมายให้สำเร็จ? วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ
เรามักจะฟังรายการ ‘ความสุขโดยสังเกต’ ในระหว่างที่วิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เช้าวันหนึ่งในเดือนมกราคมนี้ก็ได้ฟัง EP ที่มีชื่อว่า “วิธีทำให้ ‘เป้าปีใหม่’ เป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนแปลงแค่ 20 วินาที” ซึ่งบังเอิญประจวบเหมาะกับช่วงเวลานี้พอดี และเมื่อไม่นานพี่โอห์มก็พึ่งได้สั่งให้ทีมทัศน์ทำ Bucket list 100 ข้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องกันในการตั้งเป้าหมายและทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เลยอยากจะแชร์สิ่งที่ได้รับจากการฟังพอดแคสต์นี้ค่ะ
เรามักจะรู้อยู่แล้วว่าอะไรดีหรืออะไรไม่ดี แต่ที่ไม่สำเร็จเพราะไม่ลงมือทำ หนังสือ “ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดขึ้นก่อนกัน” ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราทุกคนเป็นแหล่งรวมความเคยชิน เราก็เลยทำอะไรแบบอัตโนมัติ เพราะสมองของเรามีการเรียนรู้จากการทำซ้ำและเลือกทำหนทางที่ง่ายที่สุดเสมอ ดังนั้นการหัดนิสัยใหม่ๆจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ‘การสร้างความเคยชินใหม่เป็นการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนระยะยาว’ เพราะเราต้องค่อยๆบ่มเพาะนิสัยใหม่ๆที่ดีของเราไปเรื่อยๆจนเกิดเป็นความเคยชิน แล้วสร้างตัวตนที่ดีของเราขึ้นมา การฝึกฝนของสมองไม่มีอายุ ก็คือไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เราก็ยังสามารถฝึกฝนสมองให้เก่งในเรื่องใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ โดยมีหลักใน
การฝึกสมองในการสร้างนิสัยเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จได้ดังนี้
1. อย่าตั้งเป้าเยอะเกินไป เลือกเฉพาะที่ทำคัญมาไม่กี่อย่าง แล้วทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงดีกว่า จริงๆควรเลือกเป้าหมายที่สำคัญทีละ 1 ข้อ แล้วตั้งใจทำมันให้สำเร็จให้ได้
2. ตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังฝึกทำนิสัยหรือพัฒนาทักษะบางอย่างที่ดี เพราะฉะนั้นมันไม่ง่ายแต่เราจะทำมันได้ ถ้าเราทำบ่อยๆจนสมองเราเคยชินกับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงวันนั้นเราจะไม่ต้องใช้ความพยายามเท่าเดิมอีกต่อไป มีทฤษฎี 21 วัน ซึ่งกล่าวว่าถ้าเราทำอะไร 21 วันต่อเนื่อง มันจะเป็นนิสัยติดตัวเราไปเลย ดังนั้นเราต้องสตาร์ทเครื่องให้ติด แล้วเอาชนะแรงเสียดทานในช่วงแรกให้ได้
3. เอาเป้าหมายวางไว้กลางห้อง จัดสรรสภาพแวดล้อมให้เข้าถึงเป้าหมายได้ง่าย พร้อมทั้งขจัดมารที่เป็นตัวรบกวนเป้าหมายของเราออกไปให้พ้นหู พ้นตา พ้นมือของเราซะ เช่น เป้าหมายอ่านหนังสือให้ได้เยอะขึ้นก็เอาหนังสือออกมาวางไว้ในที่หยิบขึ้นมาอ่านได้ง่าย แล้วเอารีโมททีวี(มาร)ไปเก็บไว้ในที่ไกลๆให้พ้นสายตา
4. ให้สัญญากับตัวเองด้วยการกระทำ การให้สัญญากับตัวเองในใจมันไม่เพียงพอ เช่น สวมชุดที่จะวิ่งไว้เลยก่อนนอน เมื่อเราคิดว่าตอนเช้าเราจะวิ่ง เป็นการนำสิ่งที่เราจะทำมาแปลงเป็นการกระทำ โดยเหมือนเป็นการเตรียมพร้อมที่จะทำตามที่สัญญากับตัวเองเอาไว้
5. ในการเลือกกิจกรรมที่เราจะทำ ให้ตัดช้อยส์ล่วงหน้าเอาไว้เลยให้เหลือแค่อย่างเดียว วางแผนให้มีภาพที่ชัดมากๆ และเรียบง่าย แล้วเราก็ทำสิ่งนั้นซ้ำๆจนกว่าจะกลายเป็นนิสัย เช่น เราจะออกกำลังกาย แต่ยังไม่เลือกให้ชัดว่าจะออกกำลังกายอะไร จะว่ายน้ำหรือจะวิ่งดีหรือจะฟิตเนสดี สรุปก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเลือกไม่ได้ซักที แล้วสมองของเราก็หมดพลังงานไปกับการคิดว่าจะทำอะไรดี สุดท้ายก็หมดเวลาแล้วก็ไม่ได้ออกกำลังกาย
6. สร้างกฎให้ตัวเองที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งต่างๆ เช่น จะอ่านหนังสือ 3-4 ทุ่ม โดยที่ระหว่างนั้นจะไม่ทำอะไรเลย หรือในช่วงเวลาทำงานจะไม่เล่นโซเชียลเลย
ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคที่สำคัญที่จะทำให้ภาพในฝันของเรามันกลายเป็นนิสัยได้สำเร็จ ซึ่งเมื่อพอมันกลายเป็นนิสัยแล้ว เราก็ไม่ต้องมาบังคับตัวเองอีกต่อไป เพราะว่าการเปลี่ยนนิสัยมันยากมาก ดังนั้นพอมันเปลี่ยนเป็นนิสัยแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีคนบอกให้เราเลิกทำสิ่งนั้น มันจะยากกว่าบอกให้ทำซะอีก ถ้าเรามีนิสัยที่เสพติดในเรื่องดีๆแล้ว ชีวิตก็จะพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น ชอบออกกำลังกายเป็นนิสัย ชอบอ่านหนังสือเป็นนิสัย กลายเป็นธรรมชาติของเรา การสร้างนิสัยเป็นการเปลี่ยนสิ่งที่เคยยากให้กลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายสำหรับเรา พยามขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการสร้างนิสัยที่ดีของเราไปให้มากที่สุด จุดเริ่มต้นเล็กๆแบบนี้ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของเราก็ได้ เราอาจจะสามารถวิ่งจบมาราธอนได้เลยจากการแค่ใส่ชุดวิ่งก่อนนอนเพื่อที่จะไปซ้อมวิ่งในตอนเช้า
ตอนแรกเป้าหมายมันอาจจะดูเป็นไปไม่ได้เลย แต่พอเราสร้างนิสัยของเราได้สำเร็จ มันก็จะไม่ยากอย่างที่คิด ความรู้ที่ไม่ได้ลงมือทำก็ไม่ต่างจากไม่รู้ ความรู้ไม่ได้ทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่การนำความรู้ไปลงมือทำต่างหากที่สำคัญ พี่โอห์มมักจะพูดอยู่บ่อยๆว่า การเป็นเทรดเดอร์ที่ดี เราต้องพัฒนาระบบอัตโนมัติของเราให้ดี เพราะเทรดเดอร์เป็นอาชีพที่ต้องตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา การสร้างนิสัยดีๆ ขัดเกลาตัวเอง จนเราเคยชินกับพฤติกรรมที่ดี จะทำให้การตัดสินใจและตอบสนองต่างๆของเรามันดีอย่างเป็นอัตโนมัติ
Ref: วิธีทำให้ ‘เป้าปีใหม่’ เป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนแปลงแค่ 20 วินาที | ความสุขโดยสังเกต EP.22 (https://www.youtube.com/watch?v=ygtQAwt9rSg&list=PLZ0vRaBzdrQ1LQsrwpHgAK-9AD480yAuL&index=19)
💜