เอาเธอมาถีบ (Thai Alternative Lovers)

เอาเธอมาถีบ (Thai Alternative Lovers) "ชีวิตคนเรามันก็ต้องมีทางเลือกบ้าง

เบื่อกันบ้างไหม? เดี๋ยวนี้ที่ไหนๆก็เปิดแต่เพลงฮิปฮ็อป เพลงเกาหลี เฮ้อเธอ... เชิญชวนเพื่อนๆที่รักเพลง Alternative / Modern Rock / Indie (หรือเพลงดีๆ เท่ๆ แนวๆ ไม่ว่าจะไทยจะเทศ) มามะมาจอยกันดีกว่า ^ ^

::Page Editors::
- Lbert J.
- Torphong K.
- Warat S.
- มิสเต๋อ ไบร้ท์ไซร้

  วันก่อนแชร์โพส John Lennon พูดถึงเพลง Lucy... นึกขึ้นได้ว่าเคยเขียนถึงสมาชิก Beatles กับลูก ๆ ไว้นานแล้วขอหยิบเรื่องขอ...
05/03/2025


วันก่อนแชร์โพส John Lennon พูดถึงเพลง Lucy...
นึกขึ้นได้ว่าเคยเขียนถึงสมาชิก Beatles กับลูก ๆ ไว้นานแล้ว
ขอหยิบเรื่องของ John & Sean มาแชร์....

= = = = = = = = = =

ไขปริศนาที่มาของชื่อเพลง Lucy in the Sky with Diamond

คุณรู้หรือไม่ว่า “จูเลียน" (Julian Lennon) ลูกชายคนโตของจอห์น (John Lennon) เป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลงดังของ Beatles 2 เพลง

#เพลงแรก
“Lucy In The Sky With Diamonds” ที่บางคนเชื่อว่ามันเป็นเพลงเกี่ยวกับสารเสพติดยอดนิยมในยุค 60-70

ที่จริงแล้ว... แรงบันดาลใจเริ่มต้นของเพลงนี้มาจากการที่จอห์น เลนนอน ได้เห็นภาพวาดของจูเลียนน้อยที่ตั้งชื่อภาพนั้นว่า “Lucy – in the sky with diamonds”

โดย "ลูซี่" คนที่ว่านี้ก็คือเพื่อนร่วมชั้นอนุบาลที่จูเลียนหลงรักนั่นเอง (เรื่องที่น่าขำอีกอย่างก็คือ แฟนคนหนึ่งของจูเลียน เธอก็ชื่อลูซี่ครับ)

แต่น่าเศร้าที่ “ลูซี่” ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เพลงนี้มีอายุไม่ยืนยาว...

โดยลูซี่ วอดเดน จากโลกนี้ไปในวัย 46 ปีด้วยโรคลูปัส ทั้งนี้ ช่วงเวลา 6 เดือนก่อนจากไป จูเลียนได้กลับมาติดต่อกับเธออีกครั้งหลังทราบข่าวจากเพื่อน ๆ และภายหลังจูเลียนก็ได้แต่งเพลง “Lucy” เพื่ออุทิศให้กับเธอ และนำรายได้จากการจำหน่ายเพลงไปมอบให้แก่มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยลูปัส

#เพลงที่สอง
อีกเพลงหนึ่งที่เชื่อมโยงกับจูเลียนได้แก่ “Hey Jude”…

ซึ่ง “พอล" (Paul McCartney) ตั้งใจแต่งเพลงนี้เพื่อปลอบหลานรักจูเลียนที่พ่อแม่พึ่งแยกทางกัน (จอห์นหย่ากับซินเธียในปลายปี 1968) โดยในทีแรกนั้นพอลตั้งชื่อเพลงนี้ว่า “Hey Jules” แต่มาเปลี่ยนเป็น Hey Jude ทีหลัง

อีกเกือบ 20 ปีให้หลังจูเลียนถึงได้รู้จากปากพอลว่าเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อเขา และมันทำให้เค้ารู้สึกประทับใจมาก ต่อมาในปี 1996 จูเลียนควักเงิน 25,000 ปอนด์เพื่อประมูลโน้ตเพลงนี้มาไว้ในครอบครอง

ในบรรดาลุงน้าบีเทิลส์ จูเลียนมีความผูกพันกับพอลเป็นพิเศษ โดยในช่วงที่ยังโกรธแค้นจอห์นอยู่นั้น จูเลียนถึงกับเคยพูดว่า “ในวัยเด็ก ผมใกล้ชิดกับพอลมากกว่าจอห์นที่เป็นพ่อแท้ ๆ เสียอีก”

และเมื่อจูเลียนเติบใหญ่แล้วทั้งคู่ก็ยังสนิทกันอยู่ (เรื่องที่น่าขำก็คือทั้งสองเคยเป็นคู่แข่งในเวทีประมูลซื้อของที่ระลึกของจอห์นโดยไม่รู้ตัว และทีหลังพอทั้งคู่รู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาก็ได้แอบตกลงกันก่อนที่จะประมูลเลยว่าน้าพอลอยากได้ชิ้นไหน และจูเลียนอยากได้ชิ้นไหน)

#เพลงสากล #ย้อนยุค

04/03/2025

John ดีดมาก

พิธีกรถามที่มาของชื่อเพลง Lucy In The Sky with Diamond ซึ่ง John ปฏิเสธว่ามันไม่ตรงกับที่เขาลือกันเลย (John บอกว่ามาจากรูปวาดของลูกชาย Julian Lennon)

Nicky Wire ถ้าไม่ได้เป็นมือเบสของ Manic Street Preachersเขาอาจเป็นนักฟุตบอล หรือไม่ก็นักการทูต(Nicky สมัยวัยรุ่นเคยไปทดส...
28/02/2025

Nicky Wire ถ้าไม่ได้เป็นมือเบสของ Manic Street Preachers
เขาอาจเป็นนักฟุตบอล หรือไม่ก็นักการทูต
(Nicky สมัยวัยรุ่นเคยไปทดสอบฝีเท้ากับทีม Arsenal และ Spurs และเคยเรียนสาขารัฐศาสตร์กับ Richey Edwards)

Nicky ในวัย 56 ปี ได้ร้องนำ 3 เพลง ใน Critical Thinking อัลบัมลำดับที่ 15 ของ Manics

#อัลบัมที่ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง
จุดต่างของงานชุดนี้ก็คือมันเน้นการสำรวจตัวเอง มากกว่าการวิพากษ์สังคม
โดย Nicky กล่าวว่า "สิ่งเดียวที่ผมวิจารณ์ในอัลบัมนี้ก็คือตัวผมเอง" มันเป็นการครุ่นคิดด้วยมุมมองที่แตกต่าง ขณะที่ James ย้ำว่าในชุดนี้วงไม่ได้มีการแสดงเจตจำนงหรือผลักดันแนวคิดอะไรเป็นพิเศษ จึงเป็นผลงานที่ให้ความรู้สึกอิสระมากที่สุด

#บทเพลงถึงMorrissey
เพลง 'Dear Stephen' ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรงของ Nicky ที่เคยได้รับโปสการ์ดจาก Morrissey (ชื่อจริง Steven Patrick Morrissey)

ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือ "แม่ของ Nicky" ที่มักจะเขียนไปอ้อนศิลปินให้ช่วยส่งโปสการ์ดถึงลูกชายคนเล็ก (เมื่อไหร่ที่ Nicky พลาดคอนเสิร์ตของวงใด เธอก็จะเขียนไปบอกว่าลูกป่วย ช่วยส่งโปสการ์ดให้เขาหน่อย ทำให้ Nicky ได้รับโปสการ์ดจากทั้ง Morrissey ที่ขณะนั้นยังเป็นสมาชิกของ The Smiths และ Bobby วง The Jesus And Mary Chain พร้อมข้อความ 'Get well soon.')

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ Nicky เล่าว่าโปสการ์ดจาก Morrissey เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับตัวเขาในวัย 15 ฉะนั้นเพลง 'Dear Stephen' จึงเป็นเสมือนจดหมายเหตุที่ส่งไปถึง Morrissey และตัวเขาในวัยเยาว์

#กับเพื่อนสมาชิกMANICS
Nicky เล่าว่า "วงเราเป็นที่รวมของพวกคนแปลก ๆ เราอยู่ในโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ รู้จักกันมาจะ 50 ปีแล้ว ฉะนั้น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาวงและประคองความสัมพันธ์ให้อยู่รอดไปพร้อม ๆ กัน

ตอนที่ Richey หายตัวไป (ปี 95) MANICS พักวงไป 6 เดือนและเกือบจะยุบวง แต่สมาชิก 3 คนที่เหลือก็ตัดสินใจไปต่อ กลับเข้าห้องอัดเพื่อทำอัลบัม Everything Must Go (ปี 96) ผลงานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ MANICS และเป็นเสมือนการเกิดใหม่

Nicky กล่าวถึง Richey ว่า...
"เราสองคนใจตรงกันหลายเรื่อง เราชอบการถ่ายภาพและดนตรี วันหนึ่งอยู่ ๆ ผมก็ตระหนักได้ว่า... เขาหายตัวไป 30 ปีแล้ว มันนานมากกว่าช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่ร่วมกับผมบนโลกใบนี้เสียอีก ทำเอาผมรู้สึกใจหายเลย"

"ผมยังรู้สึกราวกับว่าเขาไม่ไปไหน คอยปลุกไฟในตัวผมให้ลุกโชน ผมอาจจะไม่ได้กล้าหาญหรือชาญฉลาดเท่าเขา แต่เรามีแนวคิดในด้านสุนทรียศาสตร์คล้าย ๆ กัน และนั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับวงดนตรี"

#ชายหลงยุคผู้ชื่นชอบการถ่ายรูป
นิสัยชอบต่อต้าน ความขบถของ Nicky ถูกถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลงของ MANICS และในชีวิตจริง Nicky ชอบใช้จ่ายด้วยเงินสดเพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่อโลกดิจิทัล นอกจากนี้ เขาชอบสะสมรูปถ่ายโพลารอยด์ซึ่งเป็นสมบัติที่จับต้องได้และทำให้เขารู้สึกสบายใจ

"รูปโพลารอยด์" คือสิ่งที่เชื่อมโยงตัวเขาและลูกสาวเข้าด้วยกัน โดยลูกสาววัย 22 ปีเพิ่งเรียนจบ ป.โท ที่ Royal College of Art ด้วยวิทยานิพนธ์ในหัวข้อบทบาทของโพลารอยด์ในวัฒนธรรมศตวรรษที่ 20

Nicky กล่าวถึงวัยรุ่นยุคนี้ว่า...
"วัยรุ่นเผชิญกับแรงกดดันไม่ให้ตัวเองพลาดพลั้ง ถ้าคุณจะทำผิดพลาดก็ควรทำเสียตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แต่สมัยนี้เหมือนข้อผิดพลาดของคนเราจะถูกบันทึกเป็น Digital Footprint ไปตลอด ผมเลยคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่เติบโตมาในยุคที่เรื่องพวกนี้ยังไม่เป็นประเด็น สังคมควรให้โอกาสเด็ก ๆ ได้แสดงออกและทำพลาดบ้างในบางครั้ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่มีวันได้เรียนรู้ ความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญในชีวิตมนุษย์ และเราไม่ควรจะปกป้องตัวเองจากการพลาดพลั้ง"

#เพลงสากล #ร็อคอังกฤษ #เอาเธอมาถีบ

เมื่อวาน วง The Richman Toy และน้องอิมเมจ (Image Suthita) มาเยือนถึงถิ่น แอดเบิทจะพลาดได้ไง วงเปิดด้วยเพลง "ยุง" ขนเพลงจ...
27/02/2025

เมื่อวาน วง The Richman Toy และน้องอิมเมจ (Image Suthita) มาเยือนถึงถิ่น แอดเบิทจะพลาดได้ไง วงเปิดด้วยเพลง "ยุง" ขนเพลงจากอัลบัมแรก แดนสวรรค์คอยอยู่ จนถึงเพลงล่าสุด "Live Girl" ที่ได้น้องอิมเมจมาแจม (และร่วมร้อง "ธิดาประจำอำเภอ" อีกเพลง)

27/02/2025

"ธิดาประจำอำเภอ"
The Richman Toy และ Image สุธิตา

WOMBATS เพลงใหม่ ติดหูดี
26/02/2025

WOMBATS เพลงใหม่ ติดหูดี

"Sorry I'm Late, I Didn't Want To Come" by The Wombats.From the new album 'Oh! The Ocean' OUT NOW🌊👇 Stream Oh! The Ocean: https://thewombats.ffm.to/ohtheoc...

https://www.youtube.com/watch?v=JAhywJkalUE
26/02/2025

https://www.youtube.com/watch?v=JAhywJkalUE

‘The King of Limbs – From the Basement’ was recorded at Maida Vale Studios in London in 2011. ‘Lotus Flower’ is taken from the album of the same name out on ...

‘OK Computer’อัลบัมสร้างตำนานของ RADIOHEAD (2) #เกือบแป้กแต่กลับปัง     ‘OK Computer’ อัลบัมที่ 3 ของวง RADIOHEAD วางจำห...
24/02/2025

‘OK Computer’
อัลบัมสร้างตำนานของ RADIOHEAD (2)

#เกือบแป้กแต่กลับปัง
‘OK Computer’ อัลบัมที่ 3 ของวง RADIOHEAD วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 1997 เป็นผลงานวัดใจที่สมาชิกเลือกทำเพลงแบบสวนกระแส เจ๊งเป็นเจ๊ง ต้นสังกัดมองว่าอัลบัมนี้คงจะล้มเหลวแน่ ๆ โดยเฉพาะค่าย Capitol ที่ดูแลตลาดฝั่งอเมริกา คิดว่าวงกำลังฆ่าตัวตายชัด ๆ มีการคาดการณ์ปรับลดตัวเลขยอดขายจาก 2 ล้านชุด ลงมาเหลือ 5 แสนชุด

#การตลาด เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ OK Computer สามารถพลิกเกมได้สำเร็จ เริ่มตั้งแต่การเลือก ‘Paranoid Android’ ที่มีความยาวกว่า 6 นาทีเป็นเพลงเปิดอัลบัมเพื่อแสดงจุดยืนของวง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยได้รับการเปิดบนคลื่นวิทยุเท่าไหร่ แต่ก็ขึ้นถึงอันดับ 3 ในสัปดาห์แรกบน UK Singles Chart และเพลงค่อย ๆ ทวีความนิยมจนแม้แต่สถานีชั้นนำอย่าง BBC Radio 1 เปิดวนเพลงนี้วันละสิบเที่ยว

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญก็คืองานเอ็มวีเฉียบ ๆ ที่ทำให้ RADIOHEAD กลายเป็นขวัญใจช่อง MTV และส่งผลดีต่อการสร้างกระแสในตลาดอเมริกา โดยเฉพาะเอ็มวีหลุดโลก ‘Paranoid Android’ ที่สร้างสรรค์โดยแอนิเมเตอร์ชาวสวีเดน แม็กนุส คาร์ลสัน (Magnus Carlsson) ผู้ถ่ายทอดตัวการ์ตูนลายเส้นสุดแนว และชีวิตล่องลอยของ “โรบิน” ในโลกดิสโทเปียที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและบิดเบี้ยว ทำให้มันกลายเป็นเอ็มวีที่ถูกเปิดกระหน่ำบน MTV รวมถึงเอ็มวีตัวอื่น ๆ ที่สร้างสรรค์ไม่แพ้กัน เช่น ‘No Surprises’ และ ‘Karma Police’ ที่ได้เข้าชิงรางวัลกำกับยอดเยี่ยมบนเวที MTV ในปี 1998

นอกจากนี้ RADIOHEAD ยังได้ทำการตลาดล้อกับคอนเซปต์อัลบัม ‘OK Computer’ ที่ถือว่าแปลกใหม่ในยุคนั้น ด้วยการนำภาพอาร์ตเวิร์กและเนื้อเพลง ‘Fitter Happier’ มาลงโฆษณาแบบเต็มหน้าในนิตยสารดนตรี และมีการทำเมอร์แชนไดส์เก๋ ๆ เช่น แผ่นฟลอปปีดิสก์ หรือเครื่องเล่นวิทยุที่หน้าตาเหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

#ผลลัพธ์ จากก้าวที่กล้าของ RADIOHEAD คือความสำเร็จเหนือคาดหมาย โดย ‘OK Computer’ เป็นอัลบัมที่ได้ทั้งเงินและกล่อง มันเปิดตัวอันดับที่ 1 ในอังกฤษ ทำยอดขายรวมทั่วโลกได้กว่า 7 ล้านก็อปปี้ ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และสามารถคว้ารางวัล Best Alternative Music Album บนเวที Grammy Awards ในปี 1998 นอกจากนี้ มันเป็นอัลบัมที่มักมีชื่อติดอยู่ในโผอัลบัมยอดเยี่ยมตลอดกาลของสำนักต่าง ๆ เช่น The 500 Greatest Albums of All Time ของ Rolling Stone (อันดับที่ 42 จาก 500) และ Apple Music 100 Best Albums (อันดับที่ 12)

#วิเคราะห์เจาะลึก
ที่มาที่ไปของ OK Computer

จากวงที่ถูกเหน็บแนม ด้วยภาพจำของการเป็นวงอังกฤษนอกคอก หรือวงเด็กเนิร์ดที่ชอบจิบชา ไม่มีราศีร็อคสตาร์ RADIOHEAD ได้กลายเป็นหัวหอกที่นำพาวงการเพลงอังกฤษยุค 90’s ไปสู่หมุดหมายใหม่ จนเป็นที่มาของการนิยามศัพท์ Post-Britpop (เปรียบเทียบให้เห็นภาพ ในขณะที่บทเพลงของ OASIS หรือ BLUR มีความเป็น Nostalgia โหยหารากเหง้าดนตรีร็อคอังกฤษ แต่บทเพลงของวง RADIOHEAD มีความเป็น Progressive ไม่ยึดติดขนบดนตรีร็อคอังกฤษ และมีลักษณะของการทดลองมากขึ้น)

ชื่ออัลบัมที่ฟังดูล้ำในยุค Web 1.0 หรือยุคเริ่มแรกของอินเทอร์เน็ต มีที่มาจากละครวิทยุแนวไซไฟที่ออกอากาศทางสถานี BBC Radio 4 เรื่อง ‘The Hitchhiker's Guide to the Galaxy’ (คู่มือท่องกาแลกซีฉบับนักโบก) ที่ตัวละครชื่อ Zaphod ตะโกนสั่ง “OK, computer. I want full manual control now.” กับ Eddie the Computer สะท้อนถึงการที่มนุษย์ทวงคืนอำนาจควบคุมจากจักรกล และกำหนดชะตากรรมตัวเอง (นอกจากนี้ชื่อเพลง ‘Paranoid Android’ ก็ได้มาจากชื่อหุ่นยนต์ Marvin the Paranoid Android)

‘OK Computer’ เป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ถ่ายทอดห้วงอารมณ์ของปลายยุค 90’s ที่เต็มไปด้วยความเปราะบาง และการก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ด้วยความหวาดระแวง โดยฟรอนท์แมน ธอม ยอร์ค (Thom Yorke) รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเร่งรีบและภาวะข้อมูลท่วมท้น เขาตั้งข้อสังเกตว่าเทคโนโลยีกำลังครอบงำสังคมมนุษย์อย่างรวดเร็ว และแสดงความกังวลต่อทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก แนวโน้มการเติบโตของอำนาจรัฐ อำนาจทุน และลัทธิบริโภคนิยม ประดุจปีศาจร้ายที่นับวันก็ยิ่งใหญ่จนยากจะต่อกร

จากบทสัมภาษณ์ในวาระครบรอบ 20 ปีของ OK Computer (ในนิตยสาร RollingStone เมื่อปี 2017) หนึ่งในแรงบันดาลใจของอัลบัมนี้ คือ การคลี่คลายปมในใจของธอม มันเป็นการเผชิญกับฝันร้ายในอดีต และการเผชิญหน้ากับตัวตนของเขาเอง เมื่อย้อนไปสำรวจเดโมเก่า ๆ และสมุดบันทึก มันเต็มไปด้วยร่างเนื้อเพลง และภาพวาดของยานพาหนะต่าง ๆ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ บันไดเลื่อน สะท้อนถึงความหวาดระแวงในจิตใจชายวัย 27 ปีที่ตะลอนทัวร์คอนเสิร์ตมานานติดต่อกัน 4 ปี จนเขาเริ่มจะสติแตกและเกิดอาการกลัวที่แคบ

เนื้อหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุในการเดินทาง (รถยนต์และเครื่องบิน) ไปจนถึงการลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว สะท้อนถึงปมฝังใจของธอม ความรู้สึกแปลกแยกในวัยเด็กจากการเป็นโรคกระจกตาย้วย (Keratoconus) และการต้องย้ายโรงเรียนบ่อย ๆ ตามพ่อที่ทำงานเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์วิศวเคมี ทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อนและมักตกเป็นเป้าของการถูกกลั่นแกล้ง นอกจากนี้ การออกเดินทางถี่ ๆ ของธอมกับวง RADIOHEAD ทำให้เขาเห็นภาพหลอนว่ารถทัวร์ของวงกำลังวิ่งตกหน้าผา โดยธอมกล่าวว่า...
“ครอบครัวของผมเคยเฉียดตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ และพ่อก็ชอบพูดย้ำถึงเรื่องนั้นอยู่บ่อย ๆ จนมันกลายเป็นความคิดฝังหัวว่า... อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ โดยที่เราไม่มีสิทธิควบคุมมันได้เลย และนั่นทำให้ผมกลายเป็นคนขี้กังวลไปโดยปริยาย จะว่าไปแล้ว ผู้คนตื่นแต่เช้าออกจากบ้านที่พวกเขาไม่อยากอยู่ ขับรถไปทำงานที่ไม่อยากทำ ในรูปแบบการเดินทางที่อันตรายที่สุดในโลก ซึ่งผมไม่คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้เลย”

ความหวาดระแวง (Paranoia) ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหาของ OK Computer สะท้อนถึงความกังวลจากเดินทางไม่หยุดหย่อน และความหวาดหวั่นต่อสายสัมพันธ์อันเปราะบางของมนุษย์ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านศัพท์เทคนิคต่าง ๆ มันเป็นกลวิธีในการเชื่อมต่อกับผู้คน ในขณะที่ธอมกำลังโลดแล่นอยู่ในวงการดนตรี ซึ่งเป็นเหมือนโลกอีกใบที่แสนวุ่นวาย

#ถอดรหัสคำทำนาย
ด้วยความเป็น Concept Album ที่มีการถ่ายทอดโลกดิสโทเปีย หรือห้วงอารมณ์ของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ผ่านเนื้อหาเชิงนามธรรม และดนตรีที่สลับซับซ้อน OK Computer จึงเป็นอัลบัมหนึ่งที่มักถูกหยิบยกมาตีความในเชิงทำนายอนาคต ตัวอย่างเช่น

- ‘Airbag’ ถ่ายทอดเสี้ยวประสบการณ์ของธอมที่รอดตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ เนื้อเพลงสะท้อนภาวะพึ่งพิงเทคโนโลยีของมนุษย์ และมีการทำนายถึงสงครามโลกจากทศวรรษ 90’s ที่ถือเป็นยุคสงบสุข (มีคนโยงถึงการขึ้นเป็น ปธน.สหรัฐของ Donald Trump ในอีก 20 ปีให้หลัง ที่ทำให้โลกสั่นคลอน โดยทรัมป์มักจะเปิดศึกวิวาทะ ไปจนถึงขู่ยิงนิวเคลียร์ใส่ประเทศคู่แข่งอย่างจีนหรือรัสเซีย)

- 'Paranoid Android’ เสียดสีระบบทุนนิยม การเอารัดเอาเปรียบ และการครอบงำของบรรษัทใหญ่ (อันเป็นที่มาของนิยาม “ทุนนิยมสอดแนม” ที่ซึ่งบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เช่น Meta, Google, Microsoft สอดแนมและฉกฉวยข้อมูลพฤติกรรมของเราไป เพื่อเพิ่มพูนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน) นอกจากนี้ มันยังอาจทำนายถึงปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกา

- ‘Subterranean Homesick Alien’ สะท้อนภาพโลกอนาคตที่น่าหดหู่ ที่ซึ่งมลภาวะและอากาศหนาวเหน็บทำให้ผู้คนซึมเศร้า (เป็นการสื่อนัยยะถึงประเด็น Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)

- ‘Karma Police’ เริ่มต้นแย็บด้วยการเสียดสีสังคมบริทป็อบ ก่อนจะต่อยหนักด้วยการพูดถึงความอยุติธรรมในสังคม ที่ซึ่งสามัญชนทำงานหนักทั้งชีวิตแต่ก็ยังไม่รวยสักที มันเป็นเพลงต่อต้านทุนนิยม ที่สะท้อนภาพช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่นับวันยิ่งรุนแรง

- 'Fitter Happier เพลงเสียดสีชีวิตคิดบวก ด้วยการใช้เสียงหุ่นยนต์ (เสียงคล้าย Siri) เทศนามนุษย์ราวกับไลฟ์โค้ช สะท้อนถึงชีวิตที่ถูกเทคโนโลยีครอบงำ และสังคมสร้างภาพที่สวยงามเพียงเปลือกนอก แต่มนุษยธรรมถดถอย อีกมุมหนึ่ง มันฟังดูคล้ายกับชีวิตเราในยุคปัจจุบันที่มีการใช้แอปต่าง ๆ บนมือถือเพื่อช่วยให้เรากินดีขึ้น นอนดีขึ้น และมีสุขภาพที่ดีขึ้น

- ‘Electioneering’ เพลงสะท้อนเหตุการณ์ประท้วง Poll Tax Riots ในปี 1990 มีการเสียดสีพฤติกรรมโกหกตลบตะแลงของนักการเมือง ซึ่งเนื้อหาบางส่วนสอดคล้องกับ ปธน.ทรัมป์ ที่มักจะใช้คำโกหกหรือข่าวปลอม (Fake News) ปลุกระดมฐานเสียงด้วยข้อมูลที่บิดเบือน

- ‘No Surprise’ เนื้อหาหม่นหมองตัดกับเมโลดี้สวย ๆ สะท้อนถึงการใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมาย ภาวะซึมเศร้าจากการทำงาน การพ่ายแพ้ต่ออำนาจทุนและอำนาจรัฐอย่างสิ้นเชิง

- ‘Palo Alto’ มีการพูดถึงเมืองไฮเทคที่เจริญรุ่งเรือง ซึ่งในไม่กี่ปีถัดมา Google ได้ไปเปิดสำนักงานในเมืองแพโลอัลโต ที่เป็นส่วนหนึ่งของนิคม Silicon Valley

- ‘The Tourist’ เพลงปิดอัลบัม ที่ชี้แนะให้เรา “ใช้ชีวิตให้ช้าลง” (Slow down) ท่ามกลางยุคสมัยที่เร่งรีบ

#เพลงอังกฤษ #ยุค90 #เรดิโอเฮด #เอาเธอมาถีบ #เพลงสากล #เพลงร็อค

23/02/2025

จิตวิญญาณแห่งทศวรรษ 1980 หนึ่งใน
ผลงานเพลงที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย

"Everybody Wants to Rule the World"
ของ Tears for Fears บทเพลงป็อปติดหู
ที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งในเชิงสังคม
การเมือง และวัฒนธรรม เพลงนี้เป็นซิงเกิล
จากอัลบั้ม 'Songs from the Big Chair'
ในปี 1985 ซึ่งถือเป็นผลงานเพลงที่สร้างชื่อ
และเป็นซิกเเนเจอร์ของวง Tears for Fears
เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นในยุคสงครามเย็น ท่ามกลาง
ความตึงเครียดทางการเมือง และความหวาด
กลัวของสงครามนิวเคลียร์ แม้เนื้อหาของเพลง
จะสะท้อนถึงความหดหู่และการตั้งคำถามต่อ
อำนาจและการเมือง แต่ซาวด์ของเพลงนี้
กลับเต็มไปด้วยจังหวะที่ล่องลอยและมีพลัง
ทำให้เกิดความขัดแย้งที่น่าสนใจ

จุดเด่นของเพลงนี้คือดนตรีที่เรียบง่าย
แต่ทรงพลัง จังหวะกีตาร์ริฟฟ์ที่โดดเด่น
ประกอบกับซินธิไซเซอร์ที่เป็นหัวใจสำคัญ
ของซาวด์ยุค 80's จังหวะกลองที่คมชัด
เสียงร้องของ Curt Smith ที่ดูสงบนิ่งอบอุ่น
เสริมด้วยไลน์ประสานเสียงของ Roland
Orzabal ที่ช่วยเพิ่มมิติของเพลง ทำให้ผู้ฟัง
รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่การสนทนาที่ลึกซึ้ง

"There's a room where the light won't
find you, holding hands while the walls
come tumbling down" ท่อนนี้สื่อถึงการ
หลีกหนีจากความจริง และความเปราะบาง
ของอำนาจที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการที่เพลงนี้
ไม่ได้ฟันธงว่าอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือเลว
แต่นำเสนอในเชิงนามธรรมและธรรมชาติ
ของจิตใจมนุษย์ ทำให้ผู้ฟังได้ไตร่ตรองถึง
บทบาทของตนเองในสังคม

"Everybody Wants to Rule the World"
จากปี 1985 จนมาถึงปัจจุบัน บทเพลงนี้
ไม่เคยตกยุค และยังคงความคลาสสิกอยู่
ตลอดเวลา เป็นหนึ่งในบทเพลงทรงคุณค่า
และควรค่าแก่การฟังในทุกยุคทุกสมัย

Universal Music ชวนไปชมงานแถลงข่าว Olivia Dean SEA Press Conference in Bangkok เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ก.พ. 68ความพิเศษในการ...
23/02/2025

Universal Music ชวนไปชมงานแถลงข่าว Olivia Dean SEA Press Conference in Bangkok เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ก.พ. 68

ความพิเศษในการมาเยือนของ Olivia Dean ครั้งนี้ ก็คือ เป็นการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของเธอในประเทศไทย (บัตร Sold Out) และเป็นประเทศแรกใน SEA (ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ด้วย

🎤 รวมความประทับใจจากงาน
- Olivia Dean ร้องเพลงสด ๆ ให้เราฟัง 2 เพลง ได้แก่ 'The Hardest Part' และ 'Dive' ซึ่งเธอร้องได้ไพเราะเพราะพริ้ง Inner มาเต็ม มีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ

(มือกีตาร์หนุ่มแว่นที่เห็นคือ Finn เพื่อนนักดนตรีที่ได้ร่วมงานกับ Olivia บ่อย ๆ โดยเขาเล่นเบสให้กับเธอในอัลบัม Messy)

- Olivia เล่าติดตลกว่า เธอเดินไปร้านสะดวกซื้อ (เซเว่น) แล้วก็เจอแฟนเพลงเข้ามาทัก พร้อมกับเปิดมือถือให้ดูว่ากำลังฟังเพลงของเธออยู่

- "นักร้อง" คืออาชีพที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก เธอค้นพบ Passion ว่าอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอน 8 ขวบ โดยมีพื้นฐานจากครอบครัวที่ฟังเพลงหลากหลาย เช่น Motown หรือ Al King และในวัยรุ่น Olivia ก็เริ่มค้นพบสไตล์การร้องของตัวเอง โดยเธอมี Carole King และ Sade เป็นนักร้องต้นแบบ

- สำหรับการแต่งเพลง 'It Isn’t Perfect But It Might Be' ที่ถือเป็นผลงานซาวด์แทร็คเพลงแรกของเธอนั้น Olivia กล่าวว่า หลังจากที่ได้ดูหนัง Bridget Jones: Mad About the Boy จบแล้ว น้ำตาก็พรั่งพรู เธอพยายามที่จะถ่ายทอดอารมณ์ "สุขปนเศร้า" (Happy Sad) ของหนังออกมาให้ดีที่สุด

มีคนถามว่าในอนาคต Olivia อยากแต่งเพลงให้กับหนังเรื่องอะไรอีก? เธอตอบติดตลกว่า อยากจะแต่งเพลง 'James Bond' ให้ปังปุริเย่ไปเลย

- นอกจากน้ำเสียงเสน่ห์แบบ Soul แล้ว ชอบในจริตความเป็นผู้หญิง และอารมณ์ขันของ Olivia ของที่ระลึกก็น่ารัก เป็นพัดรูปหัวใจ


Universal Music Thailand

23/02/2025
UK Album Chart วีคล่าสุดน่าเสียดาย... MANICS โดนแซงโค้งสุดท้าย- อัลบัม 'Critical Thinking' ของ MANICS เปิดตัวในอันดับที่...
23/02/2025

UK Album Chart วีคล่าสุด

น่าเสียดาย... MANICS โดนแซงโค้งสุดท้าย
- อัลบัม 'Critical Thinking' ของ MANICS เปิดตัวในอันดับที่ 2
- ส่วนอัลบัม 'Oh the Ocean' ของ WOMBATS เปิดตัวในอันดับที่ 4

วีคหน้า แอดเบิทจะกลับมาพร้อมกับถอดความจากบทสัมภาษณ์ Nicky Wire แน่นอน

"ศิลปินแต่ละคนอาจมีประสบการณ์หรือ Journey (เส้นทาง) ไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือเราต้องทำในสิ่งที่เชื่อ ทำมันออกมาจากใจ มัน...
21/02/2025

"ศิลปินแต่ละคนอาจมีประสบการณ์หรือ Journey (เส้นทาง) ไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือเราต้องทำในสิ่งที่เชื่อ ทำมันออกมาจากใจ มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่มีการการันตีหรอกว่าสิ่งที่ทำจะประสบความสำเร็จ นอกจากใช้ใจแล้ว ขอให้ดนตรีเป็นสื่อกลางที่นำพาเราไปหาคนฟัง"

- ข้อคิดจากภูมิ (Phum Viphurit) ถึงศิลปินเพลงรุ่นน้อง
ในงาน Keep Walking Music Space


#ก้าวข้ามกรอบดนตรี

ขอบคุณ Johnnie Walker x Fungjai ชวนไปดูกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ 'Keep Walking Music Space' 🎤ความพิเศษของแคมเปญนี้ก็คือ การคั...
20/02/2025

ขอบคุณ Johnnie Walker x Fungjai ชวนไปดูกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ 'Keep Walking Music Space'

🎤ความพิเศษของแคมเปญนี้ก็คือ การคัดเลือกศิลปินอินดี้ที่มีความสามารถ (Walkers) มาปลุกปั้นให้พร้อมก้าวขึ้นสู่เวทีระดับสากล โดยมีศิลปินรุ่นพี่ เช่น Phum Viphurit / บู้ SLUR / และ ก้อง H 3 F เป็นพี่เลี้ยง (Keepers)

🎸ภาพรวมของน้อง ๆ 3 วง เป็นวงอินดี้ร็อคมีฝีมือ ที่ทำเพลงภาษาอังกฤษ ผ่านการคัดเลือกจากวงนับร้อย วงที่ว่ามาได้แก่ NT Folk / Varis / For Who High ซึ่งแต่ละวงล้วนมีซาวด์และคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น

> Ntfolk17 เป็นวง Neo-Folk มี "นัตตี้" เป็นแกนหลัก ได้ "บู้ Slur" เป็นพี่เลี้ยง
> Varis เป็นวง Indie ที่มีกลิ่นอายแบบ New Wave / Brit มี "วิน-วริศ" เป็นแกนหลัก ได้ "ก้อง H 3 F" เป็นพี่เลี้ยง (มือคีย์บอร์ด น้องเพลง เฟี้ยว)
> For who high เป็นวง Alternative ที่มีความนัว ความเดือด มี "ก็อป" (กีตาร์) และ "ฮาย" (ร้องนำ) เป็นแกนหลัก ได้ "ภูมิ" (Phum Viphurit) เป็นพี่เลี้ยง

🎹ทั้ง 3 วงจะได้ร่วมแสดงที่งาน Bangkok Music City 2025 และ Wanderland Fest 2025 ประเทศฟิลิปปินส์


#ก้าวข้ามกรอบดนตรี
#เอาเธอมาถีบ
#วงอินดี้
Johnnie Walker Style

วงอินดี้จากลิเวอร์พูล THE WOMBATS เพิ่งเปิดตัวอัลบัมใหม่ 'Oh! The Ocean' ที่มีลุ้นขึ้นอันดับ 3 ใน UK Chart สุดสัปดาห์นี้
19/02/2025

วงอินดี้จากลิเวอร์พูล THE WOMBATS เพิ่งเปิดตัวอัลบัมใหม่ 'Oh! The Ocean' ที่มีลุ้นขึ้นอันดับ 3 ใน UK Chart สุดสัปดาห์นี้

"I Love America And She Hates Me" by The Wombats.From the new album 'Oh! The Ocean' OUT NOW🌊👇 Stream Oh! The Ocean: https://thewombats.ffm.to/ohtheocean-di...

ข่าวดีของแฟน ๆ MANICS อัลบัมใหม่ของพวกเขา 'Critical Thinking' มีลุ้นขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน UK Chart ประจำสุดสัปดาห์นี้- 'Cr...
19/02/2025

ข่าวดีของแฟน ๆ MANICS อัลบัมใหม่ของพวกเขา 'Critical Thinking' มีลุ้นขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน UK Chart ประจำสุดสัปดาห์นี้

- 'Critical Thinking' (CT) เป็นผลงานลำดับที่ 15 ของ MANIC STREET PREACHERS
- ในชาร์ตกลางสัปดาหฺ์ตอนนี้ ยอดขายของ MANICS นำเป็นที่ 1 ตามมาด้วย Pop Star สาว Sabrina Carpenter
- ขณะที่วงอินดี้จากลิเวอร์พูล THE WOMBATS ตามมาติด ๆ ในอันดับที่ 3 กับอัลบัมใหม่ 'Oh! The Ocean'

- ถ้า CT ครองอันดับ 1 ได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นอัลบัมที่ 3 ของ MANICS ที่ขึ้นแท่นแชมป์ ถัดจาก ‘This Is My Truth, Tell Me Yours’ (1998) และ 'The Ultra Vivid Lament'

สุดสัปดาห์ถ้าว่าง ๆ แอดเบิทจะมาเขียนเล่าเรื่องของ Nicky Wire จากบทสัมภาษณ์ของสื่อต่าง ๆ รอติดตามกันได้

#เพลงอังกฤษ

เมื่อวานเปิดฟัง เพลินดีแจ๊ป Richman Toy เล่าถึงแนวคิดในการแต่งเพลงของวงว่า "เราชอบคำไทย คำเก่า เราชอบไปฟังเพลงเพื่อชีวิต...
18/02/2025

เมื่อวานเปิดฟัง เพลินดี
แจ๊ป Richman Toy เล่าถึงแนวคิดในการแต่งเพลงของวงว่า "เราชอบคำไทย คำเก่า เราชอบไปฟังเพลงเพื่อชีวิต หรือสุนทราภรณ์ แล้วถ้าเราเอาคำพวกนั้นมาใช้ใหม่ แต่ดนตรีเป็นอินดี้ร็อคในยุค 2000's มันจะเป็นยังไงวะ?"

เป็นอีกหนึ่งวงในตำนาน ที่เพลงฮิตติดหูกับ The Richman Toy!! จะสนุกแค่ไหนไปชมกันเลย!!ติดต่องาน095-259-6466 คุณมุกLine : | 4million.ente...

ที่อยู่

Bangkok Noi

เบอร์โทรศัพท์

+66957295428

เว็บไซต์

Undefined variable: isMonitored
    Return to your account

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เอาเธอมาถีบ (Thai Alternative Lovers)ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เอาเธอมาถีบ (Thai Alternative Lovers):

วิดีโอทั้งหมด

แชร์