Chocolate Activation

Chocolate Activation Chocolate Activation เป็นบริษัท Event Agencyที่รองรับงานครบวงจร ภายใต้การบริหารของคน Event มืออาชีพมากกว่า 10 ปี

เปิดตัว ไทวัสดุ สาขาลำดับที่ 52 สาขาเพชรบุรี โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ร่วมกับคุณสุท...
05/02/2020

เปิดตัว ไทวัสดุ สาขาลำดับที่ 52 สาขาเพชรบุรี โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ร่วมกับคุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มวัสดุธุรกิจก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด
ขอขอบคุณผู้บริหาร และทีม Event ของบริษัทฯ ที่ไว้วางใจให้ บริษัท ช็อกโกแลต แอคทิเวชั่น จำกัด เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้ครับ

Our mission is to make dreams into reality through creativity and management.

"เราสร้างสรรค์ และบริหารทุกความต้องการให้เป็นจริง"

Chocolate Activation

เตรียมพบกับการเปิดตัวไทวัสดุ สาขาที่ 52 สาขาเพชรบุรี วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563Our mission is to make dreams into reality ...
04/02/2020

เตรียมพบกับการเปิดตัวไทวัสดุ สาขาที่ 52 สาขาเพชรบุรี วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563

Our mission is to make dreams into reality through creativity and management.

"เราสร้างสรรค์ และบริหารทุกความต้องการให้เป็นจริง"

Chocolate Activation

บันทึกเทป คุณสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปี...
29/01/2019

บันทึกเทป คุณสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปี บมจ.มิตรแท้ประกันภัย

Our mission is to make dreams into reality through creativity and management.

"เราสร้างสรรค์ และบริหารทุกความต้องการให้เป็นจริง"

Chocolate Activation

เตรียมบันทึกเทปคุณสุระ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปี บมจ.มิตรแท้ประกัน...
29/01/2019

เตรียมบันทึกเทปคุณสุระ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.มิตรแท้ประกันภัย เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปี บมจ.มิตรแท้ประกันภัย

Our mission is to make dreams into reality through creativity and management.

"เราสร้างสรรค์ และบริหารทุกความต้องการให้เป็นจริง"

Chocolate Activation

การประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยOur mission is to make dreams into reality through creativity a...
11/12/2018

การประชุมวิชาการระดับชาติ
ด้านหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย

Our mission is to make dreams into reality through creativity and management.

"เราสร้างสรรค์ และบริหารทุกความต้องการให้เป็นจริง"

Chocolate Activation

13/10/2017

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติโดยมิได้เตรียมพระองค์มาก่อน ยามนั้นทรงคิดจะเป็นเพียงกษัตริย์ชั่วคราว เพราะพระชันษาเพิ่งจะสิบแปดปี ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ และยังทรงเรียนไม่จบ

หลังจากนั้นราวสองเดือน ก็ทรงกลับไปศึกษาต่อยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางที่ประทับรถพระที่นั่งไปที่สนามบิน ทรงได้ยินเสียงราษฎรคนหนึ่งตะโกนว่า “อย่าละทิ้งประชาชน”

และประโยคนั้นก็เปลี่ยนชีวิตของพระองค์และของแผ่นดินไทยไปตลอดกาล พระองค์เสด็จกลับยังแผ่นดินเกิด เลือกหนทางที่ขรุขระยากเข็ญ

ในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์ ตีพิมพ์ในวารสาร วงวรรณคดี ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 หนึ่งปีหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงเขียนไว้ว่า “ตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดัง ๆ ว่า ‘อย่าละทิ้งประชาชน’ อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้ แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว”

ยี่สิบปีต่อมาทรงพบราษฎรผู้ร้องประโยคนั้น ชายผู้นั้นเล่าว่าประโยคนั้นโพล่งออกจากหัวใจ เนื่องจากเห็นพระพักตร์เศร้าหมองของพระองค์ ตรัสว่านั่นคือเหตุผลที่เสด็จกลับมา เพราะทรงตระหนักถึงหน้าที่ใหม่ของพระองค์

เมื่อกลับไปศึกษาต่อยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ทรงเปลี่ยนสาขาจากวิทยาศาสตร์เป็นสาขาสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ เพื่อให้เหมาะกับบทบาทใหม่ของพระองค์

เมื่อทรงสำเร็จการศึกษา ได้เสด็จนิวัตกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2493 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ในวันนั้นคนไทยทั้งแผ่นดินได้ยินพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ภายหลังทรงครองราชย์ไม่นาน พระองค์มีพระราชหัตถเลขาถึงพระสหายซึ่งร่วมศึกษาในยุโรปว่า “เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ในยุโรป ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่าประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า เมื่อได้ติดต่อกับเขาเหล่านั้น ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง ข้าพเจ้าไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านที่จริงจังอะไรนัก แต่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้คือการที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง...”

ตลอดกาลเจ็ดสิบปีหลังจากนั้น ทรงย่างพระบาทไปทั่วแผ่นดินทุกตารางนิ้ว ทุกชนบท ทุกถิ่นทุรกันดาร ดูแลทุกข์สุขของราษฎร ทรงริเริ่มโครงการต่าง ๆ โครงการแล้วโครงการเล่า นับไม่ถ้วน เช่น โครงการแก้มลิง โครงการฝนหลวง กังหันชัยพัฒนา ฯลฯ จนไม่น่าเชื่อว่าเหล่านี้คืองานของบุคคลคนเดียว มากมายจนล้นพระหัตถ์ แต่ไม่เคยหยุดทรงงาน

ตลอดพระชนม์ชีพ ทรงพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎร การศึกษา สาธารณสุข ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทรงสอนคนที่ทำงานในโครงการต่าง ๆ ว่า โครงการที่ดีต้องมีประโยชน์กับประชาชน และยั่งยืน วิธีสอนของพระองค์ก็คือทรงทำให้ดู

ทรงผ่านห้วงยามทุกข์ยากของสงครามโลก สงครามเย็น สงครามกลางเมือง ผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อและนานาวิกฤติการณ์ ผ่านหลายสิบรัฐบาล ผ่านห้วงยามที่ลูก ๆ ทะเลาะกัน

เงาของพระองค์ทอดผ่านทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกคราที่แผ่นดินประสบเหตุร้าย โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมือง เรามองหาพระองค์

พระองค์คือประทีปของความรู้ ความหวัง ความสามัคคี ความรัก ความเมตตา ปรัชญาการใช้ชีวิต เป็นชีพจรและเป็นหัวใจของคนไทยทั้งมวล

ทรงรับฟังทุกข์ของประชาชน ทรงเปลี่ยนทุกข์บนดินเป็นสวรรค์บนดิน

ทรงปกครองด้วยความรักประชาชนของพระองค์โดยแท้ และด้วยความรักและการกระทำด้วยหัวใจนี่เองที่ทำให้คุณงามความดีของพระองค์สลักแน่นในใจของพสกนิกรทั้งประเทศตลอดกาลนาน

ตั้งแต่วันแรกของการเป็นพระราชา ทรงแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งของพระองค์ ตามสัญญาที่ทรงมอบให้พสกนิกรว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

และทรงรักษาสัญญานั้นทุกประการ
………………..

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย

เรารู้ว่าจะมีวันนี้ เรารู้ว่าจะมาถึงวันนี้ คราวนี้ผู้ไม่เคยละทิ้งประชาชนจำเป็นต้องละทิ้งประชาชนตามสัจธรรมของธรรมชาติ

เรารู้ว่าจะมีวันนี้ เรารู้ว่าวันนี้จะมาถึง แต่เราทำใจไม่ได้

ใครเล่าจะทำใจได้?

ทว่ามองในอีกมุมหนึ่ง ทรงแบกรับทุกภาระในแผ่นดิน ทรงแบกรับทุกปัญหาของราษฎร ทรงแบกรับทุกความทุกข์ของทุกคน ทรงเหนื่อยมากพอแล้ว ทรงสมควรพักผ่อนมานานแล้ว เราต่างหากที่ควรรับภาระงานหนักอึ้งของพระองค์มาในมือของเรา เราควรใช้โอกาสนี้สานต่อพระปณิธานของพ่อ

เรา ‘คนไทยทั้งปวง’ ควรเปลี่ยนหยดน้ำตาเป็นหยดน้ำใจต่อเพื่อนร่วมแผ่นดินเดียวกัน เปลี่ยนเสียงร้องไห้เป็นเสียงเรียกร้องให้ทุกคนทำเพื่อคนอื่นบ้าง เปลี่ยนความเศร้าเป็นพลังพัฒนาแผ่นดินของเราไปสู่สิ่งที่พระองค์ทรงวาดฝันไว้ เปลี่ยนความเสียใจเป็นความรัก ความสามัคคี

หากเราทำหน้าที่แต่ละคนให้สมกับเป็นคนไทย เป็นคนไทยด้วยหัวใจ รักแผ่นดินของพ่อเหมือนที่พ่อรักแผ่นดินนี้ เราก็ได้ตอบแทนพระองค์อย่างแท้จริง

และเมื่อนั้นเราจึงสามารถเรียกตัวเองว่าเป็น ‘คนไทย’
………………..

วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9

10/10/2017

ลูกค้ารายนี้ประหลาด อาจจะบ้า! เดินถือรองเท้าคู่หนึ่งเข้ามาในร้านของเขา แล้วก้มกราบรองเท้า

มันเป็นรองเท้าหนังสีดำ ผลิตในประเทศ ราคาไม่แพง สภาพรองเท้าชำรุด ซับในแทบทั้งหมดหลุดลุ่ย น่าจะผ่านการใช้งานมาสักยี่สิบปี บางทีเจ้าของรองเท้าอาจเห็นว่า หนังยังดีอยู่ก็เป็นได้

ลูกค้ารายนี้อาจจะบ้าจริง ๆ ถือพานวางรองเท้ามาให้เขาซ่อม

เขาอยากบอกว่า “ซื้อคู่ใหม่เถอะ” แต่แววตาสีหน้าของชายผู้นี้บอกว่าต้องการให้ซ่อม

“เจ้าของรักรองเท้าคู่นี้มาก เป็นรองเท้าคู่โปรด”

เขานึกในใจว่า ใครหนอที่ยังเก็บรองเท้าเก่าขนาดนี้ไว้

ลูกค้ารายนั้นบอกเหมือนรู้ใจว่า “เป็นฉลองพระบาทคู่โปรด พระองค์ใช้ทรงดนตรี”

เขาตะลึง คำว่า ‘ฉลองพระบาท’ มิใช่คำสามัญ คำว่า ‘พระองค์’ ก็ไม่ใช่

“ฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

เขาขนลุกซู่ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน

มหาดเล็กผู้นำฉลองพระบาทมาซ่อมถามว่า “ตกลงซ่อมได้ไหม?”

“ซ่อมได้ ๆ แต่คงต้องใช้เวลานานหน่อย”

ความจริงใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวก็ซ่อมเสร็จ แต่ชั่วโมงเดียวสั้นเกินไปที่ฉลองพระบาทคู่นี้ควรจะอยู่ในร้าน!
………………..

เขามาจากต่างจังหวัด เข้าเมืองหลวงทำงานเป็นลูกจ้างร้านรองเท้าแห่งหนึ่ง สั่งสมฝีมือจนเชี่ยวชาญ จนในที่สุดก็เปิดร้านรองเท้านี้

เขาซ่อมรองพระบาทคู่นั้นอย่างตั้งใจ เมื่อเสร็จแล้ววางบนพานใบหนึ่ง ปูรองด้วยผ้าสีเหลืองวางไว้บนที่สูงที่สุดในร้าน เขาเก็บเศษชิ้นส่วนของฉลองพระบาทไว้ทุกชิ้น แม้กระทั่งธุลี ไว้บูชาเป็นมงคลแก่ตัว

รองพระบาทของบุคคลผู้เดินทางไปทั่วทุกสารทิศเพื่อช่วยเหลือคนยาก ย่อมเป็นสิ่งของที่คู่ควรแก่การบูชา

เขานำพื้นรองพระบาทใส่กรอบ ทุกครั้งที่เขามองดู ก็รำลึกว่าครั้งหนึ่งมีโอกาสที่ช่างซ่อมรองเท้าคนอื่นไม่มี ความเก่าและรอยขาดทำให้เขาเห็นปรัชญา ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ที่เจ้าของรองพระบาทเป็นผู้ริเริ่ม อย่างเป็นรูปธรรมจริง ๆ

ไม่นานต่อมา มหาดเล็กคนเดิมนำรองเท้ามาอีก คู่นี้มีรอยสุนัขกัด

“ฝีมือคุณทองแดง”

แล้วฉลองพระบาทอีกหลายคู่ก็ตามมา

วันหนึ่งเขาตัดรองเท้าคู่ใหม่ โดยวัดขนาดจากฉลองพระบาทที่ส่งมาซ่อม ทำด้วยหัวใจ เป็นรองพระบาทถวายพระองค์

รองพระบาทที่จะใช้บุกป่าฝ่าดงไปทั่วทุกสารทิศเพื่อช่วยเหลือคนยาก ย่อมเป็นสิ่งของที่คู่ควรแก่การทำด้วยหัวใจ

รองพระบาทคู่นั้นเดินทางหายไปราวสามเดือนเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง วันหนึ่งมหาดเล็กนำรองพระบาทคู่นั้นกลับมาที่ร้าน เขาตกใจมาก ถามว่า “พระองค์ไม่โปรดหรือ?”

“เปล่า ทรงให้นำกลับมาติดกันลื่น”

น้ำตาซึม พระองค์ทรงใช้งานจริง...

เขาตัดฉลองพระบาทถวายไปสิบกว่าคู่ในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา

ตั้งใจจะตัดถวายให้ครบสิบเก้าคู่ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้

แต่พระองค์ท่านทรงไม่ต้องใช้รองพระบาทแล้ว
………………..

ศรไกร แน่นศรีนิล ช่างซ่อมฉลองพระบาท ราษฎรในรัชกาลที่ 9

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 5 ธันวาคม 2548
………………..

วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9

จากหนังสือ ท่ามกลางประชาชน : เรื่องเล็ก ๆ ในรัชสมัยอันยิ่งใหญ่

07/10/2017

แม่บอกว่า “เข้าไปกราบท่านซิลูก”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่บอกเขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้าเฝ้าฯ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอยู่ใกล้พระองค์ขนาดนี้

เขาอายุสี่ขวบ ทว่าตั้งแต่จำความได้ เขาถามแม่ว่า ในหลวงคือใคร ทำไมต้องมีคนมาคอยรับเสด็จกันมากมายขนาดนี้

เขารู้สึกเหมือนสามารถสัมผัสบุคคลเบื้องหน้า เพราะเขารับรู้ความรักของแม่ต่อพระองค์มาตั้งแต่จำความได้ แม่เล่าเรื่องราวของพระองค์ให้เขาฟังเสมอ

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เหมือนแม่ เขารู้สึกรักพระองค์สุดหัวใจ

“เข้าไปใกล้ ๆ ซี”

เด็กน้อยคลานออกไปก้มกราบพระบาท

ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกรักพระองค์สุดหัวใจ
………………..

เด็กชายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ราษฎรในรัชกาลที่ 9
………………..

วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9

07/10/2017

สมัยผมเป็นเด็ก บนกำแพงบ้านของคนจีนแทบทุกครอบครัวติดรูปถ่ายของบุคคลสองคนที่พวกเขานับถือสูงสุด หนึ่งคือรูป ดร. ซุน ยัต เซน บิดาแห่งประเทศจีน หนึ่งคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บิดาแห่งประเทศไทย ชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งมาพึ่งร่มบุญของเมืองไทยถือว่าที่นี่เป็นแผ่นดินซึ่งให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขา จนสามารถลืมตาอ้าปาก สร้างตัวจากศูนย์ขึ้นมาได้ พวกเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อบ้านใหม่ และสำนึกคุณของเจ้าแผ่นดินผู้ทรงทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินนี้

ผมโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ โตมากับภาพในหลวงของเราทรงงานไปทั่วทุกสารทิศ ทุกดินแดนทุรกันดาร เคยนึกสงสัยว่าทำไมเจ้าแผ่นดินต้องทรงงานหนักกว่าข้าแผ่นดิน รูปถ่ายในหลวงบนผนังบ้านคนทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นฝาไม้กระดานเก่าคร่ำคร่าหรือผนังหินอ่อนบ่งบอกว่ามีอะไรลึกซึ้งกว่าแค่รูปถ่ายบนผนัง รูปถ่ายในหลวงบนฝาผนังเป็นสัญลักษณ์ของความดีงามทุกอย่างเกี่ยวกับแผ่นดินนี้

เมื่อเรียนจบ ผมได้งานที่ต่างประเทศ ผมบอกพ่อว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร เพราะบริษัทที่ต่างประเทศจะไม่รอหากผมไปช้า พ่อบอกว่า “เรื่องงานช่างมัน แต่แกต้องรับปริญญาจากในหลวง”

ตลอดชีวิตพ่อแทบไม่เคยจากบ้านที่ต่างจังหวัดไปไหน แต่พ่อยอมทิ้งงานและรายได้เพื่อเป็นประจักษ์พยานลูกรับปริญญาจากพระหัตถ์ของเจ้าแผ่นดิน
……………….

กาลเปลี่ยน โลกเปลี่ยน คนเปลี่ยน โลกาภิวัตน์ บริโภคนิยม และธุรกิจการเมืองเข้ามาแทนที่โลกเดิม ความคิดอ่านของคนจำนวนหนึ่งถูกครอบงำด้วยความโลภและมิจฉาทิฐิ พวกเขาสามารถแทะทำลายแผ่นดินเกิดของตนได้อย่างไม่ละอาย พวกเขาลืมไปแล้วว่าสร้างตัวและมีตัวตนขึ้นมาได้อย่างไร

บางครั้งเมื่อได้ยินหลายคนพูดเรื่องหลักการ สังคมอุดมคติ ที่ ‘ถูกต้องกว่า’ ผมอดถามไม่ได้ว่าเราคิดยากเกินไปหรือไม่ สิ่งที่คนไทยทุกคนทำได้ก็เหมือนกับชาวจีนอพยพผู้มาตั้งหลักแหล่งในเมืองไทย ด้วยหลักการเพียงวลีเดียว ‘มีบุญคุณต้องทดแทน’ ง่าย ๆ เช่นนั้น

แผ่นดินนี้ให้ทุกอย่างแก่เรา มอบข้าวทุกเมล็ด น้ำทุกหยด เราจึงแทนคุณแผ่นดินเกิดของเรา ง่าย ๆ เช่นนั้น

สิ่งที่เราทำได้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือซับซ้อน แค่ไม่ทำร้ายแผ่นดินที่เราถือกำเนิด เราไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์สิ่งยิ่งใหญ่ แค่ทำเรื่องเล็ก ๆ เช่น ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ขายเสียง เมื่อเลือกตั้งก็คัดกรองคนดีที่สุดเท่าที่มีไปทำงานแทนเรา ว่าง ๆ ก็สังเกตสักนิดว่าแผ่นดินของเราสบายดีหรือเปล่า มันเจ็บป่วยหรือเปล่า มันบาดเจ็บเพราะเราหรือเปล่า

เหล่านี้ก็คือสิ่งที่ในหลวงทรงทำมาตลอดพระชนม์ชีพ

และมันก็คือสิ่งที่เราช่วยกันทำต่อไปได้เพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน
……………….

วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9

03/10/2017

ในช่วงท้ายของพระชนม์ชีพ ขณะใช้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในโรงพยาบาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะหายประชวรโดยเร็ว จะได้ทรงงานโดยไม่สะดุด การประชวรทำให้เสียเวลาทรงงาน เวลาทุกนาทีของพระองค์มีค่า ทุกนาทีเพื่อประชาชน

ในเรื่องโรคภัยทางกาย ทรงเชื่อฟังหมอ แต่ในเรื่อง ‘โรคภัย’ ของแผ่นดิน ทรงเป็น ‘หมอ’ ด้วยพระองค์เอง

ทรงมองเห็นสมุฏฐานของโรคอย่างแจ่มแจ้งด้วยความรู้และประสบการณ์ยาวนาน

ทรงเป็น ‘หมอแห่งแผ่นดิน’ ผู้เดินทางรักษาคนไปทั่ว คนไข้ของพระองค์คือประชาชน โรคภัยคือความยากจนและความไม่รู้ ยาของพระองค์คือความรู้ ศาสตร์ต่าง ๆ วิตามินคือโครงการหลวงต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ทรงเป็นหมอที่ป้องกันโรคก่อนจะเกิด ออกแบบยาแต่ละชนิดให้เหมาะกับแต่ละท้องถิ่น หากไม่มียาที่เหมาะสม ก็ทรงคิดค้นยาขึ้นมาเอง

ยาคือความรัก

เราเกิดในยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง เต็มไปด้วยโรคภัยทางสังคมมากมาย อาการของโรคคือความทนทุกข์ของชาวราษฎร์ ทั้งจากภัยธรรมชาติและภัยจากมนุษย์เอง แต่เราโชคดีที่มีหมอแห่งแผ่นดินดูแลอาการและรักษาโรค ด้วยความรักความเมตตาดังสายธารที่ไม่เคยเหือดแห้ง

และด้วยหมอดีกับยาดี เราจึงเป็นตัวตนเราในวันนี้
………………..

วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9

ที่อยู่

Bangkok
10210

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66631962387

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Chocolate Activationผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Chocolate Activation:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์