25/02/2022
😍😍
เรื่องราวอัศจรรย์ของผู้สวมบทบาทเป็น "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช"
นักแสดงมากฝีมือ ปราบ-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ที่รับบท “ขุนหลวงนารายณ์” (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจร่ายยาวตั้งแต่วันแรกที่ไปฟิตติ้งละครเลยว่า
“ย้อนไปวันนั้นผมจำได้แม่นเลย ผมแต่งหน้าทำผมเสร็จยังไม่ใส่ชุด ผมนำฉลอง พระองค์ไปกลางแจ้ง จุดธูป 9 ดอก กล่าวขอพระราชทานอนุญาตจากพระองค์ท่านก่อนว่าจะขอเล่นเป็นพระองค์ท่าน ถ้าท่านอนุญาตขอให้ผมผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างไปด้วยดีและราบรื่น แล้วถ้าท่านคิดว่าต่อไปจะคนศึกษาประวัติของท่านจากละครเรื่องนี้ ถ้าท่านอยากให้เข้าใจว่าท่านเป็นแบบไหน ขอให้ผ่านตัวผมได้เลย ผมจุดธูปกลางแดดตอนนั้นแดดเปรี้ยงมาก และทีมงานก็เดินตามผมไป #ขณะนั้นเหมือนพระอาทิตย์ทรงกลดเป็นเงาพื้นดำรอบตัวผม พอไหว้เสร็จแดดก็ออกเหมือนปกติ”
ปราบพูดถึงตอนนี้แล้วบอกว่าขนลุก
ปราบเล่าต่อว่า
“ผมไม่ได้เตรียมตัวเลยสำหรับการแสดงบทของสมเด็จพระนารายณ์ ไม่ได้ศึกษาค้นคว้าอะไร เพราะสมเด็จพระนารายณ์เป็นกษัตริย์ที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองจึงมีหลายบันทึกมาก ถ้าเราไปค้นคว้าแล้วผิดจากที่ทีมงานค้นคว้าเตรียมไว้ มันจะไปกันคนละทาง จึงแค่เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมสมาธิที่ทำจะงานเรื่องนี้แบบทุ่มเท แม้ผมจะเกิดไม่ทันสมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ผมเกิดทันในสมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 ผมเลยตีความเอาว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 กับพระนารายณ์ทรงเหมือนกันมาก พระนารายณ์ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นกวี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงเป็นนักดนตรี นักการทูต เป็นทหาร เป็นนักการค้า ทรงเป็นทุกอย่างที่พระนารายณ์เป็น ผมรู้สึกแบบนี้ ผมไปแบบนี้ได้ไหม ผกก.ก็บอกว่าถ้าคุณรู้สึกแบบไหน คุณไปต่อได้เลย สำหรับฉากที่เหลือก็มีฉากรับพระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ฉากตอนศรีปราชญ์ถูกฆ่า พระนารายณ์ทรงเป็นเหมือนพระจันทร์ที่สกาวอยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่สว่าง เพราะดาวที่ล้อมรอบซึ่งเป็นคนสนิทคนที่ทรงรักค่อยๆร่วงหล่นหายไป บางคนก็ไม่เข้าใจท่าน ศรีปราชญ์เป็นอีกคนที่ท่านโปรดซึ่งก็คือพี่ชายของโป๊ป เค้าแต่งกลอนต่อจากพ่อเขาก็คืออาหนิง-นิรุตติ์ พ่อตกใจว่าแต่งได้ขนาดนี้ จึงนำไปให้พระนารายณ์ทรงดู พระนารายณ์โปรดมากจึงเรียกศรีปราชญ์ให้ถวายตัว แต่โหราธิบดีรู้ว่าใครใกล้ชิดกษัตริย์ยิ่งถ้าเป็นคนโปรดจะยิ่งเสี่ยงตาย แต่เมื่อเป็นพระประสงค์ก็ขัดไม่ได้ แต่ทูลขอว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีความผิดแค่ไหนอย่าถึงกับต้องเอาชีวิต ซึ่งท่านก็รับปาก สุดท้ายศรีปราชญ์ก็แต่งกลอนจีบสนมเอกสมเด็จพระนารายณ์ จริงๆต้องโทษตัดหัว แต่พระนารายณ์เมตตาจึงเนรเทศไปอยู่นครฯ ก็ไปจีบหญิงอีกจึงถูกเจ้าเมืองนครฟันคอ ซึ่งฉากสุดท้ายที่ผมเล่นก็คือฉากท่านนอนดูดาว ท่านเสียใจมากที่ศรีปราชญ์ถูกประหาร จึงกริ้วเจ้าเมืองนครฯ และสั่งประหาร”
ปราบยังกล่าวอีกว่า
“พระนารายณ์ท่านทำโทษคนที่ท่านรัก แต่ไม่เคยตั้งใจเอาถึงตาย เหมือนตอนทำโทษพระยาโกษาเหล็กที่ฉ้อราษฎร์ พระองค์ก็ยังทรงเมตตาลงโทษสถานเบาด้วยการเฆี่ยน ซึ่งปกติเฆี่ยนแล้วต้องจองจำ แต่นี่ส่งกลับให้ไปรักษาตัวที่บ้าน แต่เนื่องจากพระยาโกษาเหล็กแก่แล้วจึงทนพิษบาดแผลไม่ไหว ซึ่งพระนารายณ์เองท่านก็เจ็บปวด มองดูดาวที่ล้อมรอบดวงจันทร์ ดาวที่ค่อยๆอับแสงไปทีละดวง และสุดท้ายท่านก็ตรอมใจตาย ฉากสุดท้ายที่ผมถ่ายตอนดูดาว คืนนั้นฟ้ามืด ฝนเทจะถ่ายไม่ได้ ผมแต่งตัวเสร็จแล้วบอกให้น้องเอาร่มที่กางออก น้องก็ไม่กล้ากลัวผมเปียก #สุดท้ายผมไปปักธูป_ฝนหยุดไม่ตกเลย #สิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่ผมกับน้องที่ถือร่ม_ฝนหยุดตกสนิทเลย ผมเดินจะไปถ่ายทำต่อ แต่ฟ้ายังปิดเราจะ ถ่ายฉากดูดาวได้อย่างไร ผมถอยหลังออกมายกมือท่วมหัวบอกว่า ถ่ายไม่ได้ขอฟ้าเปิดด้วยครับเพราะเป็นฉากดูดาว แล้วผมก็เดินเข้า ไปด้านในไปถึงจุดที่จะถ่าย ฟ้าก็สว่าง ผมก็ถ่ายฉากนั้นจบสมบูรณ์” ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ!
#เหตุการณ์เหนือเหตุผลหลายครั้ง_ทำให้ปราบเชื่อว่าเป็นเพราะ_ขุนหลวงนารายณ์เปิดทางให้
“ #ผมมั่นใจว่าท่านอนุญาตให้ผมเป็นท่าน คนชอบว่าท่านหูเบา หลงเชื่อฝรั่ง ถ้าท่านเป็นแบบนั้นบ้านเมืองในยุคของท่านจะพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขนาดนั้นได้อย่างไร แต่ละครเรื่องนี้ก็สร้างด้วยเหตุและผลไม่ให้ใครต้องเกลียดใคร พระเพทราชาท่านก็มีเหตุผล ทุกคนมีเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงต้องยึดอำนาจ ส่วนฟอลคอลก็มีเหตุผลของเขา ฟอลคอนรักพระนารายณ์มาก เขาไม่ได้คิดทรยศกับบ้านเมืองเขา แค่คิดอยากสบาย และรู้ว่าถ้าเป็นคนโปรดของกษัตริย์ย่อมต้องถูกปองร้ายเช่นกัน จึงต้องหาที่พึ่ง เมื่อรู้ว่าพระนารายณ์ไม่รอดก็ต้องหาหลักที่พึ่งใหม่”
เมื่อถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปไหม ปราบ กล่าวว่า
“เหมือนเดิมคนก็ยังไม่รู้ว่าผมชื่ออะไร จะมีแต่คนเรียกขุนหลวง เรียกพระนารายณ์ เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืนจริงๆ วันที่ไปบวงสรวงสมเด็จพระนารายณ์ คนจำนวน 3-4 หมื่นแห่มาต้อนรับ เหลือเชื่อจริงๆ”.
Cr. Thairath online. ปราบ สวมหัวใจ ขุนหลวงนารายณ์ ขนลุกเผยอภินิหาร ‘เบิกฟ้า’ ถ่ายฉากดูดาว. 27 มี.ค. 2561 08:01 น. สืบค้นวันที่ 23 ก.พ. 2565 13.09 น.